วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

<?php
$sql ="select * from student order by id asc ";
$query=mysql_query($sql) or die(mysql_error());
$num=mysql_num_rows($query);
echo $num;
?>

จงอธิบายคำสั่งแต่ละบรรทัดต่อไปนี้ ในบทความผ่านบล๊อกของนักเรียน
1.$sql ="select * from student หมายถึง เลือกดูงานในตารางของ student
2.order by id asc คือ ASC และ DESC คือรูปแบบการเรียงลำดับ
 1. ASC เรียงจากน้อยไปหามาก
2. ASC เรียงจากมากไปหาน้อย

นอกจากนี้ยังสามารถกำหนด การจัดเรียงได้มากกว่า 1 คอลัมน์
3.$query=mysql_query($sql) คือ 
เป็นการติดต่อกับฐานข้อมูลแล้ว query ข้อมูล และแสดงข้อมูลออกมาด้วย echo 
4.die(mysql_error()); คือ การตรวจสอบว่า error หรือป่าว ถ้า sql error ให้แสดงค่า error ออกมา
5.$num=mysql_num_rows($query); คือ ใช้หาจำนวนแถว ให้ตัวแปร $num มีค่าเป็นจำนวนแถวของผลลัพธ์จากคำสั่ง SQL ซึ่งอยู่ในตัวแปร $query
6.echo $num; คือ ไว้แสดงข้อความ

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

<?php echo 'ตัดคะแนน'; $score=90; if($score<50){echo 'grade 0';} else if($score<55){echo 'grade 1';} else if($score<60){echo 'grade 1.5';} else if($score<65){echo 'grade 2';} else if($score<70){echo 'grade 2.5';} else if($score<75){echo 'grade 3';} else if($score<80){echo 'grade 3.5';} else {echo 'grade 4';}?>

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

(Review) Nokia Lumia 925

 (Review) Nokia Lumia 925  


   สิ่งที่โดดเด่นที่สุดใน Lumia 925 คงหนีไม่พ้นความสามารถของกล้องที่เพิ่มขึ้น ด้วยการออกแบบและจัดเรียงชิ้นเลนส์ใหม่ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการถ่ายภาพมากที่สุด โดดเฉพาะในที่แสงน้อย
   แม้ว่าราคาเปิดตัวที่ 18,500 บาท อาจจะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Lumia 920 ที่วางจำหน่ายก่อนหน้านี้ในระดับ 2 หมื่นกว่าบาท แต่หลังจากวางจำหน่ายไม่ถึง 1 เดือน ทางโนเกียก็มีการปรับราคา Lumia 925 ลงเหลือเพียง 16,500 บาท เท่านั้น ซึ่งถือเป็นราคาที่สร้างความน่าสนใจไม่น้อย

       
  ข้อมูลเครือข่าย (Network)

ข้อมูลตัวเครื่อง

nokia Lumia 925
 
ระบบปฏิบัติการ (OS, CPU)
คุณสมบัติเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม
ระบบเชื่อมต่อ
ใช้งานอินเตอร์เน็ต
รับ-ส่งข้อความ (Messaging)
ฟังก์ชั่นมัลติมีเดีย

nokia Lumia 925
คลิป review




(Review) Nokia Lumia 720


(Review)  Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720

    Nokia Lumia 720 สมาร์ทโฟนรันบนระบบปฎิบัติการ Windows Phone 8 ดีไซน์เพรียวบาง น้ำหนักเบา หน้าจอแสดงผลสัมผัสกว้าง 4.3 นิ้ว ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon S4 Dual-core ความเร็ว 1 GHz โดดเด่นด้วยด้วยกล้องหน้าแบบ HD และกล้องหลังที่มีเลนส์มุมกว้าง ความละเอียด 6.7 ล้านพิกเซล อีกทั้งยังสามารถถ่ายภาพได้คมชัด สีสันสดใส แม้ในที่ที่มีแสงน้อย ทำงานได้ยาวนานต่อเนื่องด้วยแบตเตอรี่ความจุ 2,000 mAh และรองรับอุปกรณ์เสริมครอบทับด้านหลังสำหรับใช้งานชาร์จแบบไร้สาย



Nokia Lumia 720 สมาร์ทโฟนดีไซน์เพรียวบางแบบชิ้นเดียว มาพร้อมฝาหลังสีสันสดใส วัดขนาดตัวเครื่องได้กว้าง 67.5 มิลลิเมตร สูง 127.9 มิลลิเมตร หนา 9 มิลลิเมตร และน้ำหนักรวมแบตเตอรี่ 128 กรัม

Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720

Nokia Lumia 720 มีหน้าจอแสดงผลสัมผัส IPS-LCD 16 ล้านสี กว้าง 4.3 นิ้ว ความละเอียด 480 x 800 พิกเซล ทำจากวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานอย่าง Corning Gorilla Glass อีกทั้งยังสามารถใช้งานสัมผัสได้รวดเร็ว และลื่นไหลด้วยระบบ Sensitive Touch แม้ขณะสวมถุงมือ หรือใช้ปลายเล็บ

Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720

เหนือหน้าจอจากซ้ายไปขวา เป็นเลนส์กล้องถ่ายรูปด้านหน้าความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล ช่องลำโพงเสียง และมีโลโก้ Nokia อยู่ถัดลงมาด้านล่าง

Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720

ด้านล่างของหน้าจอ มีปุ่มกดแบบสัมผัส 3 ปุ่ม เริ่มจากซ้ายไปขวา ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มเริ่มต้น และปุ่มค้นหา

Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720

ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มปรับเพิ่ม/ลดระดับเสียง, ปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง (ปุ่มล็อค/ปลดล็อคหน้าจอ) และปุ่มชัตเตอร์

Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720

ถาดใส่การ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ MicroSD อยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง

Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720

ด้านบน มีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร และถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Micro Sim

Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720
Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720

ช่องเสียบ micro USB สำหรับใช้งานชาร์จแบตเตอรี่และโอนถ่ายข้อมูล อยู่บริเวณด้านล่างของตัวเครื่อง

Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720

ฝาหลังของ Nokia Lumia 720 ออกแบบให้เรียบเนียนเป็นแผ่นเดียว ไม่สามารถเปิดได้ ผลิตจากวัสดุโพลีคาร์บอเนต พื้นมันวาว มีเลนส์กล้องถ่ายรูปความละเอียด 6.7 ล้านพิกเซลอยู่ด้านบน ถัดมาด้านซ้ายเป็นไฟแฟลช LED ตรงกลางเป็นโลโก้ Nokia สีดำ และมีช่องลำโพงเสียงอยู่บริเวณด้านล่างซ้าย

Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720
Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720    Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720


แผนที่และการนำทาง
HERE City Lens
    แอพพลิเคชั่นสำหรับค้นหาสถานที่ที่น่าสนใจ หรือสถานที่เฉพาะเจาะจง เช่น ร้านค้า, ร้านอาหาร รวมถึงสามารถดูข้อมูลและการเดินทางโดยทางเท้า หรือขับรถไปยังสถานที่นั่นๆ ได้ โดยจะเป็นการทำงานของระบบแผนที่, ระบบนำทาง และกล้องถ่ายรูปร่วมกัน ซึ่งทำได้โดยเลือกหมวดหมู่ที่ต้องการค้นหา เช่น ใกล้เคียง, อาหาร, โรงแรม, ชอปปิ้ง, ชื่อดัง, สนุก, ทิวทัศน์, ขนส่ง


Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720


  เมื่อเลือกหมวดหมู่ที่ต้องการได้แล้ว ให้หันกล้องไปรอบๆ เพื่อค้นหาตำแหน่ง จากนั้นข้อมูลจะปรากฎบนหน้าจอ ซึ่งจะมีชื่อสถานที่และระยะทาง ทั้งยังสามารถกดเข้าไปเพื่อดูรายละเอียดเส้นทาง, บันทึกเส้นทาง หรือจะแบ่งบันสถานที่นั้นๆ กับเพื่อนๆ ก็ทำได้อย่างง่ายดาย


Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720    Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720

Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720    Nokia Lumia 720 - โนเกีย Lumia 720


คลิปรีวิวครับ





                                          อ้างอิง http://news.siamphone.com/review-12622.html

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

Samsung Galaxy Grand

(Review) Samsung Galaxy Grand

    สัมผัสดีไซน์ที่ลงตัวใน Samsung Galaxy Grand สมาร์ทโฟนหน้าจอขนาดใหญ่ 5 นิ้ว เพี่มพื้นที่ความบันเทิงเพื่อการท่องเว็บ เล่นเกมส์ ดูวิดีโอได้แบบเต็มตา พร้อมรูปร่างเพรียวบางจับถนัดขณะใช้งานมือเดียว ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Android 4.1.2 หน่วยประมวลผล Dual Core 1.2 GHz, RAM 1 GB เสริมลูกเล่นเพื่อความคล่องตัวทุกการใช้งาน เช่น Multi Window, Pop up Play, Page Buddy, Smart Stay เปิดรับการติดต่อด้วย 2 ซิม แบบ Always On รับสายซ้อนหรือประชุมสาย สนับสนุนการเชื่อมต่อ 3G, Wi-Fi กล้องถ่ายรูป 8 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอ 1080p กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล..




Samsung Galaxy Grand - ซัมซุง


  สมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ แต่ดีไซน์เพรียวบาง ใช้วัสดุผิวมันเงาและแต่งขอบด้านข้างสีเงิน ขนาดตัวเครื่องสูง 143.7 มิลลิเมตร77.1 มิลลิเมตร 9.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก 162 กรัม

     Samsung Galaxy Grand ทำงานบนระบบปฏิติการ Android 4.1.2 (Jelly Bean) ใช้หน่วยประมวลผล Dual Core ความเร็ว 1.2 GHz, RAM 1 GB หน่วยความจำในตัว 8 GB รองรับการ์ดความจำ microSD เพิ่มเติม


Samsung Galaxy Grand - ซัมซุง    Samsung Galaxy Grand - ซัมซุง    Samsung Galaxy Grand - ซัมซุง

- หน้าจอแสดงผลระบบสัมผัส รองรับการใช้งานมัลติทัชสูงสุด 8 จุด 
- ผลการทดสอบจากโปรแกรม AnTuTu Benchmark ได้ที่ 8952 คะแนน 
- ผลทดสอบเซนเซอร์ในเครื่อง มี Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor, Magnetic Sensor


Samsung Galaxy Grand - ซัมซุง    Samsung Galaxy Grand - ซัมซุง

เครื่องเล่นเพลง
  หน้าแรกเครื่องเล่นเพลงแสดงเมนูรายชื่อเพลงพร้อมภาพหน้าปกขนาดย่อ แบ่งหน้าจัดกลุ่มตามทั้งหมด, รายการเพลง, อัลบั้ม, ศิลปิน, ประเภท, มิวสิคสแควร์, ผู้แต่ง, ปี และเพลงเล่นบ่อยที่สุด, ที่เล่นไม่นานมานี้, ที่เพิ่มเร็วๆ นี้ หรือเลือกเปิดจากโฟล์เดอร์ที่จัดเก็บไว้ ด้านล่างมีปุ่มควบคุมการเล่นเพลงให้เลือกใช้
  หน้าจอเครื่องเล่นเพลง แสดงภาพปกอัลบั้มขนาดใหญ่ พร้อมปุ่มควบคุมการเล่นเพลง และฟังก์ชั่นปรับการตั้งค่าต่างๆ มีโหมดเล่นเพลงแบบสุ่ม, วนซ้ำ, แสดงเนื้อเพลง (ถ้ามี) ปรับความเร็วในการเล่น, ตั้งเวลาปิดเพลงอัตโนมัติ ปรับแต่งเสียงเพลงด้วยระบบ SoundAlive โดยสามารถเลือกเอฟเฟ็กต์เสียงได้หลากหลายแบบ ได้แก่ ปกติ, Pop, Rock, Dance, Jazz, Classic, Voical, Bass boost, Treble boost, Externalization, Cafe, Concert hall, ผู้ใช้ และ Virtual 7.1 Ch

วีดีโอรีวิวครับ

                                    


                                   อ้างอิง  http://www.siamphone.com/review/2013/samsung/galaxy_grand/page.htm


รีวิว Samsung Galaxy Tab 7 Plus

รีวิว Samsung Galaxy Tab 7 Plus

ครั้งนี้นะครับจะมารีวิว tablet กันบ้างนะครับเริ่มกันเลยครับ

  เมื่อปีที่แล้วกระแสแท็บเล็ตโทรได้ของ Galaxy Tab รุ่นแรกที่ถูกปรามาสว่าเป็น Galaxy S เวอร์ชันขยายร่าง แต่กลับได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น ได้ใจสาวๆ ที่ชอบพกมือถือไว้ในกระเป๋าจนถึงตอนนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไป
  วันนี้ Galaxy Tab กลับมาอีกครั้งในมาดใหม่ของ Samsung ยุคนี้ที่บางลง เบาลง และเสริมจุดเด่นด้วยการเพิ่มลำโพงสนทนามาให้เลย ไม่ต้องต่อสมอลทอล์ค หรือเปิดลำโพงกันอีกต่อไป
จากสเปคเปรียบเทียบกับ Galaxy Tab รุ่นอื่นๆ ที่เปิดตัวกันมาในปีนี้ (ดูสเปคเปรียบเทียบได้ที่บล็อก poakpong.com) Galaxy Tab 7 Plus วางตัวเป็นแท็บเล็ตรุ่นล่างสุดของ Samsung แต่รองรับ 3G (ตัวที่ทดสอบรองรับ 900/2100 ได้ข่าวว่าตัวที่รองรับ 850 จะตามมาในภายหลัง) และเป็นแท็บเล็ตเครื่องแรกที่ใช้ชิป SoC ของ Samsung เองอย่าง Exynos ในราคาเปิดตัวต่ำสุดในไลน์ที่ 15,900 บาท
เกริ่นกันไปพอสมควรแล้ว มาดูหน้าตาที่เปลี่ยนไปของเจ้า Galaxy Tab 7 Plus กันเลยดีกว่า

ฮาร์ดแวร์

   การออกแบบของ Galaxy Tab 7 Plus จะเหมือนกับแท็บเล็ตรุ่นพี่อย่าง Galaxy Tab 10.1 ที่เน้นความบางเบา และโค้งมนเป็นหลัก วัสดุโดยรวมเป็นพลาสติกเพื่อให้ได้น้ำหนักที่เบาเพียง 345 กรัม แต่ยังไม่เบาที่สุด เพราะตัวที่เบาที่สุดคือ Galaxy Tab 7.7 ชนะกันไปหลักสิบกรัมเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องการประกอบแน่นหนาดีครับ
ด้านหน้าของตัวเครื่องถูกจูนมาให้เข้ากับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ Honeycomb ที่ใช้การสั่งงานจากหน้าจอทั้งหมด จึงไม่มีปุ่มที่ด้านหน้าเลย




    วกกลับมาด้านหน้าเครื่องส่วนบนจากที่เคยว่างเปล่าในรุ่นเก่า มีลำโพงสำหรับสนทนามาให้ด้วย แต่เวลาใช้งานจริงอาจต้องปรับพฤติกรรมกันหน่อย เพราะว่าตัวเครื่องใหญ่กว่าใบหูคนทั่วไปมาก หลายครั้งที่เล็งไม่ตรงหู ก็จะได้ยินไม่ชัด มีอาการเสียงก้องบ้าง แต่ไม่บ่อยนัก ข้างๆ เป็นเซนเซอร์วัดแสง วัดระยะห่าง และกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล



การใช้งานทั่วไป และแบตเตอรี่

   การพกพาเจ้า Galaxy Tab 7 Plus ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ระหว่างแท็บเล็ต 10 นิ้วที่ต้องใส่กระเป๋าถือเท่านั้น หรือแบบสมาร์ทโฟนทั่วไป ถ้าไม่ใช่กางเกงฟิตเปรี๊ยะ ก็พอจะยัดใส่กระเป๋ากางเกงได้ ส่วนกระเป๋าหลังนี่ใส่ได้สบายๆ
ปัญหาที่พบบ่อยของเครื่องนี้คือ... หาปุ่มเปิดเครื่องไม่เจอ - -" เพราะทุกมุมมันเหมือนกันหมดเลย เวลาหยิบเครื่องมาที ก็คลำหาปุ่มเปิดจอกันทีนึง
การใช้งาน GPS อยู่ในระดับปกติ ไม่เร็วปรู๊ดปร๊าดเหมือนที่เคยเจอใน Optimus One แต่ไม่ได้ห่วยลงเหวเหมือนกับ Galaxy S ในที่โล่งเปิดสามจีแล้วใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็สามารถจับตำแหน่งได้แล้ว
การใช้งานเป็น Smart Remote ยังบอกไม่ได้ว่าเวิร์คพอรึยัง สำหรับคนใช้ทีวีเครื่องเดียวคงไม่น่าสนใจนัก แต่ถ้ามีหลายๆ เครื่องน่าจะใช้งานได้ดี ปุ่มลัดทำงานได้จริง แต่ตอนทดสอบกับทีวี LG ผลปรากฏว่าใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้างแฮะ
ความลื่นในการใช้งานถือว่าลื่นไหลแล้ว แต่ยังมีกระตุกเป็นบางจังหวะ จากที่เคยจับ Galaxy Tab 8.9 ที่ใช้ Tegra 2 แล้วรู้สึกว่าตัว 8.9 ลื่นกว่า
แบตเตอรี่สแตนบายด์ได้นานมาก เปิดทิ้งไว้เฉยๆ เป็นสัปดาห์แบตแทบไม่ลด แต่พอใช้งานปกติ เปิด 3G ตลอดเวลา (3G ของ TOT) อยู่ได้ราว 8 ชั่วโมงเศษๆ สงสัยว่า Exynos จะกินแบตน่าดู

   สำหรับผลของ Quadrant Standard ต้องบอกว่าชิปที่รุ่นนี้ใช้อย่าง Exynos มีชื่อลือชามาตั้งแต่สมัย Galaxy S II แล้วว่าได้คะแนนสูงมาก ลองกดไปสองสามครั้ง ผลได้มาเบาะๆ ที่ 3200-3500 แต้มครับ ส่วน Multitouch Test รองรับการใช้นิ้วสูงสุดที่สิบนิ้ว แต่ว่าใช้แบบเสถียรที่แปดนิ้วครับ



คลิปรีวิวครับ





อ้างอิง http://www.blognone.com/news/29111/%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A7-samsung-galaxy-tab-7-plus

[SR]รีวิว Samsung Galaxy S4

[SR]รีวิว Samsung Galaxy S4 การกลับมาของราชา

      Samsung Galaxy S4 สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ระดับพรีเมี่ยมเครื่องแรกของโลก ที่มาพร้อมกับ CPU 8-core อันทรงพลัง พร้อมสั่นสะเทือนวงการสมาร์ทโฟนในปี 2013 ด้วยลูกเล่นการใช้งานครบเครื่องชนิดที่เรียกว่า จัดเต็ม จัดหนัก ทั้งกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมายให้ทุกประสบการณ์ความสนุกถูกจัดเก็บไว้โดยไม่พลาดรายละเอียด โดยถือสโลแกนหลัก "Life companion" ให้มือถือเป็นทุกอย่างสำหรับคุณ...




    Samsung Galaxy S4 มาพร้อมหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ภายใต้ดีไซน์การออกแบบตัวเครื่องที่ยังคล้ายกับ Samsung Galaxy S3 ในหลายๆ ส่วน แต่การจัดวางส่วนประกอบต่างๆ ดูลงตัวและสมบูรณ์แบบมากขึ้น มีลวดลายพื้นผิวที่เป็นเอกลักษณ์ มีความโค้งมนของพื้นผิวน้อยลง ตัวเครื่องบางและมีน้ำหนักเบา โดยวัดขนาดตัวเครื่องได้ความสูง 136.6 มิลลิเมตร กว้าง 69.8 มิลลิเมตร บาง 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวเครื่องรวมแบตเตอรี่ 130 กรัม

      
                       Samsung Galaxy S4 - ซัมซุง


ข้อมูลทางด้านฮาร์ดแวร์
  • ขนาดตัวเครื่อง 136.6x69.8x7.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 130 กรัม
  • ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2.2 Jelly Bean ส่วนติดต่อผู้ใช้ TouchWiz Nature UX
  • จอแสดงผลกว้าง 5 นิ้ว Full HD 1920x1080 พิกเซล (441ppi) Super AMOLED รองรับ Super Sensitive touch
  • CPU Exynos 5 Octa 5410 8-core (quad-core 1.6GHz Cortex A15 และ quadcore 1.2GHz Cortex A7)
  • GPU PowerVR SGX 544MP3
  • RAM 2 GB
  • พื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง 16 GB
  • รองรับ microSD card สูงสุด 64 GB
  • รองรับ microSIM
  • รองรับการเชื่อมต่อ 2G : GSM 850 / 900 / 1800 / 1900MHz
  • รองรับการเชื่อมต่อ 3G : HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100MHz
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Wi-Fi Direct, Wi-Fi Hotspot
  • GPS (A-GPS, GLONASS) / NFC / S-Beam / Bluetooth 4.0 / MHL 2.0 / IR LED (Remote Control)
  • กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส พร้อมไฟแฟลช LED
  • กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
  • แบตเตอรี่ Li-ion ความจุ 2600 mAh (ถอดเปลี่ยนได้)

 การทดสอบประสิทธิภาพความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
  • ผลทดสอบความเร็ว Benchmark ด้วย AnTuTu Benchmark ได้ 28,019 คะแนน
  • ผลทดสอบความเร็ว Benchmark ด้วย Quadrant Standard ได้ 12,543 คะแนน
  • ผลการทดสอบประสิทธิภาพกราฟิกด้วย Nenamark 2 ได้ 59.9 เฟรม/วินาที
  • ผลตรวจสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch สูงสุด 10 จุด 

Samsung Galaxy S4 - ซัมซุงSamsung Galaxy S4 - ซัมซุงSamsung Galaxy S4 - ซัมซุง


คลิปรีวิวครับ


                                             
                                             อ้างอิง http://www.siamphone.com/review/2013/samsung/galaxy_s4/page.htm




วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

Review: Oppo Find Clover



Review: Oppo Find Clover มือถือตัวแรงพร้อมพลังเสียงคุณภาพในราคาสบายกระเป๋า

   เริ่มลุยตลาดได้ไม่นานแบรนด์ Oppo ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทยด้วยมือถือเรือธงอย่าง Find 5 ที่แรงสะใจ มาคราวนี้น้องใหม่อย่าง Oppo Find Clover ที่เพิ่งเปิดตัวในงาน TME 2013 Hi-End ล่าสุด ก็อัดแน่นด้วยพลังเสียงจากชิปคุณภาพสูงจาก Burr-Brown Audio ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของ Oppo ในเมืองไทยโดดเด่นด้านพลังเสียงคุณภาพได้ชัดเจนมากขึ้น

 
  Find Clover โดดเด่นด้านการให้พลังเสียงคุณภาพจากชิปคุณภาพสูงที่อัดแน่นอยู่ภายใน โดยขับออกทางลำโพงคู่ที่อยู่ด้านหลัง แน่นอนว่าความถนัดของ Oppo ด้านเสียงนั้นเป็นที่รู้กันดีจากการออกเครื่องรุ่นก่อนหน้าที่ให้คุณภาพเสียงได้อย่างดีเยี่ยม การชูจุดเด่นด้านเสียงเพื่อเรียกกระแสกลุ่มผู้ใช้มือถือกลับมาสนใจดนตรี อย่างเช่นที่โซนี่เคยทำได้สำเร็จมาแล้วน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับมือถือที่ผู้บริโภคติดในใจว่าผลิตจากประเทศจีน เพราะหากได้ลองฟังเสียงจาก Find Clover แล้วคุณจะรู้ว่า "เสียงดี" เป็นอย่างไร จนทำให้ลืมคำว่า "เครื่องจีน" ก็เป็นได้




การออกแบบและสเปก

   Find Clover ผลิตจากวัสดุพลาสติกแบบด้าน ที่ให้ความรู้สึกหรูหราอยู่ในที แต่แฝงไปด้วยความแรงที่อัดแน่นอยู่ภายใน การออกแบบของตัวเครื่องมีการเล่นระดับที่ด้านล่างของหน้าจอ พร้อมปั๊มโลโก้ ‘OPPO’ เด่นหรา โดยขนาดของตัวเครื่อง Find Clover 129.6 x 66.7 x 9.8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 141.5 กรัม





   ด้านหน้า - มองจากด้านบนจะเห็นลำโพงสนทนาเป็นช่องแนวนอน โดยใช้เป็นทั้งลำโพงสนทนาและสปีกเกอร์ในช่องเดียวกัน ถัดลงมาด้านล่างเป็นกล้องหน้าที่ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล โดยสามารถถ่ายภาพวิดีโอความละเอียดสูงได้

   หน้าจอทัชสกรีนแบบ Capacitive ที่ใช้เทคโนโลยี IPS ขนาด 4.3 นิ้ว แสดงผลกว่า 16 ล้านสี ให้ความละเอียด 480 x 800 พิกเซล ส่วนล่างหน้าจอจะเป็นปุ่มแบบสัมผัส 3 ปุ่มมาตรฐานของแอนดรอยด์โดยจะมองเห็นเมื่อเปิดหน้าจอปกติ และเมื่อพ้นขอบจอลงมาล่างสุดจะเห็นโลโก้ ’OPPO’ แบบปั๊มอยู่บนเนื้อกรอบพลาสติก




ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ 

   การประกาศตัวด้านเสียงเพลงของ Find Clover ทำให้เครื่องรุ่นนี้มาพร้อมอินเตอร์เฟสที่รองรับการเล่นเพลงได้อย่างง่ายดาย โดยมีอินเตอร์เฟสเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงอยู่ด้านหน้า และเพียงแค่เลื่อนหัวอ่านมาอยู่ที่แผ่น เสียงเพลงที่เราต้องการก็จะถูกขับออกมาจากลำโพงคู่ด้านหลังได้อย่างไพเราะ โดยเมื่อหน้าจอถูกพักเพื่อประหยัดพลังงาน เครื่องเล่นเพลงดังกล่าวจะยังไม่ถูกปิด และเมื่อหน้าจออยู่ในโหมดล้อกอยู่ รายชื่อเพลงพร้อมเมนูและแถบเลื่อนเพื่อควบคุมการเล่นเพลงจะแสดงอยู่ด้านหน้า เพื่อพร้อมใช้งานด้านเพลงตลอดเวลา



จุดขาย

- อินเตอร์เฟสที่พร้อมใช้งานด้านเพลงโดยเฉพาะ
- ชิปพลังเสียง Burr-Brown Audio และลำโพงคู่ด้านหลัง
- ชุดโปรแกรมเฉพาะแบบฉบับของ NearMe
- ราคาพียง 8,900 บาท แต่ได้ซีพียูแบบ Quad Core พร้อม GPU แยก
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด โดยมีทั้งไมโครซิมและซิมขนาดปกติ

ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่

- ซีพียูควอดคอร์ ให้ความเร็วที่ดีแต่ส่วนอื่นๆเมื่อทดสอบความสามารถโดยรวมยังถือว่า
   ทำคะแนนได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งอาจเกิดจากตัวแอปฯไม่รู้จักรุ่นของซีพียู
- เมื่อเปิดใช้งานไวไฟ พลังงานแบตเตอรี่จะหมดเร็วจนน่าตกใจ
- ประสิทธิภาพของลำโพงที่ยังให้เสียงเบสได้ไม่ดีเท่าที่ควร


นี่เป็นคลิปรีวิวครับ




                              อ้าอิง http://www.manager.co.th/cbizreview/viewnews.aspx?NewsID=9560000063424






วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

Review - i-mobile IQ X


Review - i-mobile IQ X สมาร์ทโฟนสเปกสูงราคารับได้
  
       การมาของ i-mobile IQ X แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการกู้ภาพลักษณ์ของสามารถ ไอโมบาย ให้กลับมามีจุดยืนในตลาดโทรศัพท์ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการปูทางเพื่อออกสมาร์ทโฟนรุ่นเด่นตามมาๆ หรือการเพิ่มไลน์สินค้าให้ครอบคลุมทุกช่วงราคาในระดับต่ำกว่าหมื่นบาท
       
       สิ่งที่ IQ X เข้ามาพิสูจน์ชัดคงหนีไม่พ้นในแง่ของการที่แบรนด์ไทยจะผลิตสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูง สเปกเทียบเท่ากับเครื่องอินเตอร์แบรนด์ ในระดับราคาต่ำกว่าเกือบ 50% แต่ก็ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะทางไอโมบายเองก็พยายามเพิ่มจุดเด่นเข้าไปอย่างเรื่องของกล้องหลักที่ความละเอียด 18 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล รวมกับระบบ 2 ซิมเป็นต้น

 สเปกของเครื่อง

       สำหรับสเปกภายในของ i-mobile IQ X มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2.1 ทำงานบนหน่วยประมวลผล Mediatek MT 6589 ซึ่งเป็นควอดคอร์ 1.2 GHz มีหน่วยประมวลผลภาพ PowerVR SGX 554 RAM 1 GB หน่วยความจำภายในเครื่อง 4 GB สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติมได้สูงสุด 32 GB
       
       ด้านการเชื่อมต่อรองรับ 3G บนคลื่น 850 / 2100 MHz ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 42 Mbps อัปโหลดสูงสุด 11.5 Mbps Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 b/g/n มีบลูทูธ GPS ให้ใช้งานกัน






จุดขาย
       
       - ประสิทธิภาพเครื่องคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
       - หน้าจอความละเอียด HD สีสันสดใส
       - กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
       - ขนาดตัวเครื่องกำลังพอดีมือ จับใช้งานง่าย
       
       ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
       
       - กล้อง 18 ล้านพิกเซลที่ใช้ซอฟต์แวร์เพิ่มขนาดทำให้รูปออกมาไม่คมชัด แนะนำให้ปรับไว้ที่ 13 ล้านพิกเซล
       - การประมวลผลด้านกราฟิกยังเทียบกับรุ่นไฮฯแบรนด์หลักๆไม่ได้ แต่ก็เพียงพอใช้งานทั่วไป
       - ข้อมูลข้างกล่องระบุว่าตัวเครื่องยังแยกเครื่องข่าย 3G 850 / 2100 กับ 900 / 2100 อยู่
       
       ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
       
       IQ X ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นนึงที่น่าสนใจในระดับต่ำกว่าหมื่นบาท เพราะจากสเปกที่ให้มาเทียบเท่ากับเครื่องในระดับหมื่นกลางๆได้เลย แถมยังรองรับการใช้งาน 3G ทั้ง 2 ซิมอีกด้วย งานนี้ใครที่กำลังมีปัญหากับซิมหลักที่เล่นเน็ตไม่ค่อยจะลื่นคงสบายใจกันไป เพราะสบช่องไอโมบายในการขายซิม 3GX ด้วยทันที
       



       อีกจุดที่น่าสนใจภายในกล่องของ IQ X คือของที่แถมมาให้ นอกจากจะได้ตัวเครื่อง ที่ชาร์จ สายยูเอสบี หูฟังตามปกติแล้ว ยังมีแถมทั้งเคส แผ่นฟิลม์กันรอยหน้าจอ และซิม 3GX มาให้ใช้ฟรีอีก 500 MB ถ้าตีเป็นในแง่ของมูลค่าก็เกือบๆจะ 500 บาทได้
       
       ด้านการใช้งานโดยรวมถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างประทับใจ เพราะเพียงพอกับการใช้งานในปัจจุบันแทบทั้งหมด ติดอยู่นิดหน่อยตรงที่กล้องความละเอียด 18 ล้านพิกเซล ที่เคลมมาให้ดูสูงกว่าเครื่องรุ่นอื่นในตลาดๆทั้งๆที่ใช้เซ็นเซอร์ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ซึ่งกับขนาดดังกล่าวก็เพียงพอกับการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว ดังนั้นแนะนำเลยใครใช้อยู่ปรับขนาดลงมาเหลือ 13 ล้านพิกเซลเถอะครับ มันเพียงพอและคมชัดกว่า
       
       ส่วนในแง่ของแบตเตอรี่ที่ให้มาทดสอบใช้งานกับซิมการ์ด 3G เปิดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ผ่านทั้งโมบายดาต้า และไวไฟ พร้อมโทรบ้างนิดหน่อย ใช้งานได้ 1 วันสบายๆ แต่ถ้าใช้โหดๆต่อเนื่อง 2-3 ชั่วโมง อาจจะต้องพกแบตเตอรี่เสริมติดตัวไว้กันเหนียวจะดีกว่านะครับ
 

[รีวิว] HTC One

[รีวิว] HTC One สมาร์ทโฟนระดับ High-End โดดเด่นด้วยดีไซน์และวัสดุ พร้อมเทคโนโลยี UltraPixel




   สำหรับ HTC One นั้นก็ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง จากทางฝั่ง HTC ที่มีผู้ให้ความสนใจไม่แพ้รุ่นอื่นๆ ซึ่งในรุ่นดังกล่าวนั้น ก็มาพร้อมกับสเปคเครื่องที่แรงเป็นอันดับต้นๆ ในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับ High-End รวมถึงยังคงนำเอา เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มความน่าสนใจให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งในวันนี้ทีมงานเว็บไซต์ Techmoblog ได้นำเอา HTC One มารีวิว ให้ทุกท่านได้ชมกัน โดย HTC One นั้นจะมีความน่าสนใจมากแค่ไหน และจะมีฟีเจอร์อะไรเด่นกันบ้าง ลองมาชมกันเลยครับ

ข้อมูลสเปคเบื้องต้นของ HTC One



- หน้าจอแบบ Super LCD ขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล (468ppi)
- หน่วยประมวลผล แบบ Quad-Core ความเร็ว 1.7 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟฟิค Adreno 320
- หน่วยความจำ (RAM) 2 GB (DDR2)
- ระบบปฏิบัติการ Android 4.1.2 (Jelly Bean)
- กล้องดิจิตอลด้านหลัง ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล (UltraPixels)
- กล้องดิจิตอลด้านหน้า ความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซล
- รองรับการเชื่อมต่อ LTE, WCDMA/HSDPA Quad Band, Bluetooth 4.0, GPS, A-GPS
- แบตเตอรี่ขนาด 2300 mAh (ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้)


จุดเด่นของ HTC One

- มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core ความเร็ว 1.7 GHz ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในปัจจุบัน
- หน่วยความจำ (RAM) 2 GB ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล
- กล้องดิจิตอล พร้อมเทคโนโลยี Ultrapixel ให้ภาพที่คมชัด และถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดี
- วัสดุที่ใช้ในการออกแบบ มีความแข็งแรง และ คุณภาพดี
- หน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว พร้อมความละเอียดระดับ Full HD ช่วยให้หน้าจอมีความคมชัดอย่างมาก
- รองรับการเชื่อมต่ออย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น LTE, WCDMA/HSDPA Quad Band, Bluetooth 4.0, GPS, A-GPS
- ใช้หน่วยประมวลผลกราฟฟิคที่มีประสิทธิภาพสูงอย่าง Adreno 320
- ระบบปฏิบัติการ Android 4.1.2 (Jelly Bean) ถือว่าเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่
- รองรับการใช้งานเป็น วิทยุ FM
- มีลำโพงแบบ Stereo พร้อมแอมป์ในตัว ให้เสียง แบบ Stereo ที่ดังชัดเจน

จุดด้อยของ HTC One

- แบตเตอรี่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้
- ไม่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้
- ปุ่ม Sleep/Wake นูนขึ้นมาจากตัวเครื่องเพียงเล็กน้อย ทำให้บางครั้ง อาจรู้สึกว่ากดยาก
- รองรับฟอร์แมตของไฟล์วีดีโอ น้อยเกินไป (ต้องดาวน์โหลดเพิ่มภายหลัง)

ที่ผมบอกข้อด้อยของ htc one นั้นเพื่อจะได้ติดสินใจถูกว่าจะซิ้อหรือไม่ซื้อดี แต่ถ้าใครคิดว่าข้อด้อยพวกนี้ไม่สำคัญหรือไม่เป็นปัญหากับคุณก็ซื้อเลยครับ



อ้างอิง http://www.techmoblog.com/htc-one-review-by-techmoblog/